โรคระบาดสำคัญของสยาม ที่ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์

โรคระบาดสำคัญของสยาม ที่ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์

โรคระบาดใหญ่ของสยาม อหิวา, ไข้ทรพิษ, กาฬโรค ช่วง 42 ปี ป่วย 1.5 แสน ทั้งเจ้านาย, ชาวต่างชาติ, ขุนนาง นั่นจึงทำให้เหตุการณ์ โรคระบาด เหล่านี้ ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ไทย เป็นบทเรียนราคาแพงของการแพร่ระบาดของ โรคระบาด ร้ายเหล่านี้ เมื่อปี พ.ศ. 2505 นายแพทย์ประเมิน จันทวิมล รองอธิบดีกรมอนามัยได้เขียนบทความชื่อ ประวัติการควบคุมโรคติดต่ออันตรายในประเทศไทย ไว้ในหนังสืออนุสรณ์ “กระทรวงสาธารณสุข 20 ปี พ.ศ. 2485-2505″ โดยกล่าวถึง โรคระบาด สำคัญๆ คือโรคอหิวาตกโรค, ไข้ทรพิษ, กาฬโรค โรคเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วระบาดได้รวดเร็ว ประชาชนป่วยและเสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้น ในช่วงเวลาประมาณ 42 ปี (พ.ศ. 2462-2504)…

10 เรื่องลึกลับทางประวัติศาสตร์ ที่ถูกแก้ไขแล้ว

10 เรื่องลึกลับทางประวัติศาสตร์ ที่ถูกแก้ไขแล้ว

10 เรื่องลึกลับทางประวัติศาสตร์ ที่ถูกแก้ไขแล้ว 10 เรื่องลึกลับทางประวัติศาสตร์ ที่ถูกแก้ไขแล้ว จริง ๆ มีเรื่องลึกลับที่เรายังไม่เข้าใจอีกมากมาย แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้เลยว่า ปริศนาลึกลับเหล่านั้น ได้ถูกไขเป็นที่เรียบร้อยแล้วหรือยัง และวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักเรื่องลึกลับบางส่วน ที่ถูกทิ้งเป็นปริศนามาอย่างยาวนาน ที่ได้ถูกแก้ไขข้อสงสัยแล้วนั่นเอง 1. การหายไปของอารยธรรมนัซกา ชาวนัซกากลาย เป็นที่รู้จักของชาวโลก เนื่องจากผลงานลานเส้นนัซกาขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่บนพื้นผิวของทะเลทรายนัซกา ประเทศเปรู มีทฤษฎีมากมายที่เกี่ยวกับลายเส้นนัซกา บ้างก็ว่าพวกเขา ต้องการสื่อสารกับอารยธรรมที่สูงส่งจากนอกโลก แต่สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบว่า พวกเขาสร้างเส้นนัซกาขึ้นมา เพื่อสื่อสารกับพระเจ้า โดยการเดินทางไปตามเส้นเหล่านี้ และการหายไปของอารยธรรมนัซกาก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร เพราะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ได้พิสูจน์แล้วว่า ชาวนัซกาพ่ายแพ้ต่อความแห้งแล้งเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า 2. ความลับของหัวโมอาย บนเกาะอีสเตอร์ที่ห่างไกล มีรูปปั้นศีรษะขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ทั่วเกาะที่เรียกว่า “ โมอาย ” บางศีรษะมีความสูงถึง 20 ฟุต และนั่นทำให้เกิดข้อสงสัยที่ว่า ผู้คนโบราณจะมีความสามารถในการตั้งศีรษะขนาดนี้เป็นร้อย ๆ ได้อย่างไร…

10 ปริศนาประวัติศาสตร์ของโลก

10 ปริศนาประวัติศาสตร์ของโลก

10 ปริศนาประวัติศาสตร์ของโลก 10 ปริศนาประวัติศาสตร์ของโลก วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ประวัติศาสตร์ของโลก ที่เป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ เกี่ยวกับบุคคล สถานที่ หรือสิ่งที่สูญหายไป หรือที่แก้ไชปริศาของสิ่งนั้นไม่ได้ จากทั่วโลกนั้นเอง โดยจะคัดมาเพียงแค่ 10 ปริศนา ที่คุณควรรู้เพราะนั่น คือสิ่งที่คนทั่วโลก หาคำตอบอยู่นั่นเองค่ะ 1. การหายไปของอารยธรรม Indus Valley Indus Valley คืออารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุด ของอินเดีย เชื่อกันว่าแพร่หลายจากอินเดียตะวันตก ไปจนถึงอัฟกานิสถานเลยทีเดียว มีประชากรในชุมชน อยู่ถึง 5ล้านคนนั่นเอง และเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าอารยธรรมไหน ๆ เมื่อนักโบราณคดีมาพบ พวกเขาเกิดความประทับใจอารยธรรมนี้มาก แต่ที่น่าแปลกใจ ก็คือไม่มีใครระบุได้เลยว่า อารยธรรมสิ้นสุดที่ไหน อย่างไร ไม่มีหลักฐานของการสู้รบใดๆ อารยธรรมแห่งนี้เพียงแต่สูญสลายไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีใครตอบ คำถามนี้ได้เลย 2. The…

ไขปริศนา สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

ไขปริศนา สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

ไขปริศนา สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ไขปริศนา สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา หรืออีกชื่อหนึ่งคือ สามเหลี่ยมปีศาจ ว่าน่านน้ำแห่งนี้มีอาถรรพ์ หรือเป็นแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ นั่นเอง ซึ่งหลายคนอาจเชื่อว่า มีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะที่ปัจจุบันนี้นั้น ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลยว่า เหตุใดทุกสิ่งที่ผ่านไปบริเวณนั้น จึงได้หายสาบสูญไป เหมือนไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ และในในวันนี้ เราจะพาคุณมารู้จักกับน่านน้ำอาถรรพ์ หรือสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานี้กันค่ะ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น เป็นอาณาเขตที่สมมติขึ้นมาในมหาสมุทรแอตแลนติก ถ้าลากเส้นจากจุดสามจุดเชื่อมต่อกัน ตั้งแต่จุดแรกที่มหาสมุทรแอตแลนติคภาคตะวันตก ไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา และเปอร์โตริโก ซึ่งเชื่อมต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เนื้อที่ประมาณ 1.2 ล้านตารางกิโลเมตร ภายในบริเวณนี้เองที่มีการหายสาบสูญแบบผิดปกติเกิดขึ้นทั้งอากาศยาน และเรือเดินสมุทร ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณบริเวณแนวชายฝั่งด้านใต้ โดยรอบหมู่เกาะบาฮามาส และช่องแคบฟลอริดา พื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ ที่หนาแน่นที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยมีเรือผ่านพื้นที่นี้เป็นประจำทุกวันมุ่งหน้าไปยังเมืองท่าในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และหมู่เกาะแคริบเบียน เรือสำราญที่ผ่านพื้นที่นี้ก็มีมากเช่นกัน เรือเที่ยวเองก็มักจะมุ่งหน้าไปและกลับระหว่างฟลอริดา กับแคริบเบียนอยู่เป็นปกติ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ซึ่งมีการสัญจรทางอากาศอย่างหนาแน่น ทั้งอากาศยานพาณิชย์…

สโตนเฮนจ์ โบราณสถานลึกลับ

สโตนเฮนจ์ โบราณสถานลึกลับ

สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) หนึ่งในโบราณสถานลึกลับในประเทศอังกฤษ ที่นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ต่างกำลังหาคำตอบที่แน่ชัดว่าเป็นมาอย่างไร ขนหินกันมาแบบไหน ยกก้อนหินขนาดยักษ์มาได้อย่างไร ใครเป็นผู้สร้าง ก่อนอื่นเราไปรู้จักกับกลุ่มก้อนหินนี้ก่อนดีกว่า                 สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ตั้งอยู่กลาง “ทุ่งราบซัลลิสเบอร์รี่” (Salisbury Plain) บริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะบริเวณโดยรอบนั้นไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใดเลย มีจำนวนแท่งหินทั้งหมด 112 ก้อน ตั้งเรียงเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง และวางเรียงในลักษณะที่ต่างกัน ทั้งวางนอน วางพาดกัน และวางตั้งขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณอายุของหินกลุ่มนี้ พบว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 3,000–2,000 ปีก่อนคริสตกาลนู่นเลย สรุปคืออายุกว่า 5,000 ปีแล้ว                 กองหินประหลาดเหล่านี้อยู่ห่างจากกรุงลอนดอนออกไปประมาณ 10 ไมล์ซึ่งนับก้อนหินได้รวมกันทั้งสิ้น 112 ก้อน มีหินทรงสูงตั้งรวมกันเป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง บางก้อนก็ตั้งตรง…

ประวัติศาสตร์การเลิกทาส ในสหรัฐอเมริกา

ประวัติศาสตร์การเลิกทาส ในสหรัฐอเมริกา

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อของ อับราฮัม ลินคอล์น จากวิชาประวัติศาสตร์สากลเป็นแน่ นอกจากทราบว่าเขาคนนี้เป็นประธานาธิบดี ของสหรัฐอเมริกาแล้ว ทราบหรือไม่ว่าเขามีความสำคัญต่อสหรัฐอเมริกาอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ตำนานอดีตประธานาธิบดีคนนี้ และ ประวัติศาสตร์การเลิกทาส ของอเมริกาไปพร้อมๆกันค่ะ อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา หรือวีรบุรุษผู้ปลดปล่อยทาสผิวสี ย้อนไปเมื่อตอนที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 1860 อับราฮัม ลินคอล์นเป็นตัวแทนผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งของพรรคริพับลิกัน โดยเริ่มดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2404 จนถึงเดือนเมษายน 2408 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศกำลังประสบกับวิกฤตจากสงครามกลางเมือง (Civil War) เนื่องจากในขณะนั้น สหรัฐอเมริกามีการแบ่งแยกกันเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายเหนือที่ต้องการให้ยกเลิกระบบทาส ส่วนฝ่ายใต้ต้องการให้มีการใช้แรงงานทาสต่อไป ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด จนเกิดเป็นสงครามกลางเมืองจนถึงขั้นนองเลือด สงครามกลางเมือง สงครามกลางเมืองซึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐระหว่างปี 1861 ถึง 1865 สืบเนื่องจากข้อโต้แย้งยืดเยื้อเกี่ยวกับการถือครองทาส ระหว่างฝ่ายหนึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมสหภาพซึ่งประกาศความภักดีต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐ…

สงครามโลกครั้งที่2 ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด

สงครามโลกครั้งที่2 ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด

สงครามโลกครั้งที่2 ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด สงครามโลกครั้งที่2 ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด เป็นการรบระหว่างกลุ่มประเทศอักษะ ได้แก่เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น กับกลุ่มประเทศสัมพันธมิตร นำโดย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา สงครามครั้งนี้ ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ เมื่อกองทัพเยอรมันบุกเข้าไป ยึดครองประเทศโปแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 นั้น ทำให้ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศสและดินแดนอาณานิคมของอังกฤษอีก 4 แห่ง ก็คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บริติชอินเดีย และแอฟริกาใต้ ประกาศสงครามกับทางเยอรมนี ต่อมาในปี 1940 ทางกองทัพเยอรมันรุกราน ประเทศนอร์เวย์ และประเทศเดนมาร์ก ก่อนที่จะโจมตีฝรั่งเศส ผ่านทางประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์กค่ะ และในปีเดียวกันนี้เอง อิตาลีได้ประกาศสงครามกับประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศส…

สงครามโลกครั้งที่ 1 บทเรียนครั้งสำคัญของมนุษยชาติ

สงครามโลกครั้งที่ 1 บทเรียนครั้งสำคัญของมนุษยชาติ

สงครามโลกครั้งที่ 1 (World War 1) หรือที่ถูกเรียกว่า “มหาสงคราม” (Great War) ความขัดแย้งที่เป็นบทเรียนราคาแพงแสนแพงของมนุษยชาติ มีการสู้รบ และสูญเสียต่อเนื่องยาวนาน เป็นเวลาหลายปี ในครั้งนั้น “มหาสงคราม” เป็นชื่อสามัญของสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะสงครามครั้งนี้เป็นความขัดแย้งที่มีขนาดใหญ่ เกิดขึ้นทั่วยุโรปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคนโปเลียน อย่างไรก็ตาม คำว่า Great เองก็มีความหมายในเชิงบวกแฝงอยู่ด้วย เพราะฝ่ายสัมพันธมิตรเชื่อว่า พวกเขากำลังต่อสู้กับลัทธิทหารอันชั่วร้ายของเยอรมนี หลายคนจึงคิดว่า มหาสงครามครั้งนี้เปรียบเหมือนกับสงครามอาร์มาเกดอน ซึ่งพระคัมภีร์ไบเบิ้ลระบุว่าสงครามระหว่างความดีกับความชั่วในยุคสุดท้ายของโลก แม้คนจะยังเรียกสงครามครั้งนี้ว่ามหาสงคราม ซึ่งมีนัยแฝงว่าเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่จะยุติสงครามทั้งปวง แต่ความเชื่อเช่นนั้นก็หายไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้นมาในช่วงปี 1930 สงครามโลกครั้งที่ 1 หรือมหาสงคราม หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป ไม่ได้ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงกันกว้างขวางเท่ากับ สงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้ว่าในการเกิดสงคามโลกครั้งที่ 1 จะมีทหารที่ต้องเสียชีวิตไปกว่า…

ย้อนดู เหตุการณ์ผิดพลาดในอดีต แต่เปลี่ยนโลกทั้งใบ

ย้อนดู เหตุการณ์ผิดพลาดในอดีต แต่เปลี่ยนโลกทั้งใบ

เหตุการณ์ผิดพลาดในอดีต เป็นสิ่งที่ทุกคนเคยทำพลาดกันมาบ้างล่ะ อาจจะเกิดขึ้นจากความตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ได้ แม้ความผิดพลาดเล็กๆน้อย ก็อาจส่งผลกระทบในวงกว้างได้ ดังเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ดังต่อไปนี้ บุกรัสเซียในช่วงฤดูหนาว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วกับกองทัพหลายประเทศ ในประวัติศาสตร์ ทั้งสวีเดนเมื่อปี 1708 ซึ่งเสียหายไปกว่า 16,000 คน  นโปเลียน โบนาปาร์ตผู้ที่จำเป็นต้องล่าถอยแม้ยึดมอสโกได้แล้วในปี 1812 (และเสียทหารไปเกือบ 50,000 นายในระหว่างการถอยทัพ) แต่เหตุการณ์การบุกรัสเซียที่หลายๆ คนจำกันได้ก็คงไม่พ้น การบุกรัสเซียของฮิตเลอร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง เพราะแม้ว่าเขาจะมั่นใจมานาซีจะยึดรัสเซียได้ก่อนฤดูหนาว แต่สุดท้ายแล้วกองทัพก็ไม่สามารถทำได้ทัน จนต้องเสียทหารไปร่วม 8 แสนนายเลย (แม้ว่าอีกฝั่งจะเสียคนไปมากกว่าก็ตาม) อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง ลืมทำความสะอาดห้องแล็บ ย้อนกลับไปในปี 1928 อเล็กซานเดอร์เฟลมมิง(Alexander Fleming) นักแบคทีเรียวิทยาชาวสก็อต ได้เดินทางกลับบ้านเพื่อใช้เวลาเดือนสิงหาคมปีนั้นอยู่กลับครอบครัว อย่างไรก็ตามเขาลืมทำความสะอาดจานเพาะเชื้อในห้องแล็บ การกระทำของเขาในวันนั้นทำให้ตัวอย่างเชื้อโรคหลายชนิดของเขาถูกทำลายไปจากการเติบโตของรา ดังนั้นเขาจึงนำราดังกล่าวไปเพาะเชื้อและค้นพบ “ยาปฏิชีวนะ” ที่จะถูกนำใช้ช่วยคนด้วยความบังเอิญล้วนๆ อยากบังเอิญแบบนี้บ้างจริงๆเลย…

สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย ประเทศที่รวมอารยธรรมระดับโลก

สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย ประเทศที่รวมอารยธรรมระดับโลก

สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย หรือ ซีเรีย (เมืองชามในอดีตที่ครอบคลุมซีเรีย จอร์แดน ฟิลัสฏีนในปัจจุบัน) เมืองโบราณที่มีอดีตอันยาวนานถึง 8,000 ปีก่อนค.ศ. นักโบราณคดีประเมินกันว่าทั่วประเทศซีเรียมีโบราณสถานที่มีคุณค่าในยุคต่างๆ มากกว่า 4,500 แห่ง ในยุคจักรวรรดิไบแซนไทน์ซีเรียเคยอยู่ใต้ปกครองของโรมนานถึง 700 ปี ในขณะที่กรีกเคยปกครองซีเรีย นาน 369 ปี ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายใต้อำนาจของกรีกโรมัน ประชาชนซีเรียไม่ต่างอะไรจากฝูงแกะ ที่นอกจากถูกกล้อนขนจนเกลี้ยงแล้ว ยังถูกรีดน้ำนมจนเหลือแต่กระดูก หนำซ้ำในบางครั้งกลับถูกฆ่าทิ้งอย่างไม่ใยดี ซีเรียเป็นถิ่นเกิดของบรรดานบี เป็นสุสานของบรรดาเศาะฮาบะฮฺและชาวศอลิฮีน เป็นดินแดนที่อัลลอฮฺประทานความบะเราะกะฮฺ ก่อนวันกิยามะฮฺ มนุษย์จะถูกรวมพล ณ ดินแดนแห่งนี้ และนบีอีซาจะลงจากฟากฟ้าเพื่อฆ่าดัจญาล ณ แผ่นดินนามซีเรียเช่นกัน เราสามารถสัมผัสความประเสริฐของซีเรียได้ในทุกครั้งที่อ่านอัลกุรอานและอัลหะดีษที่พูดถึงดินแดนแห่งนี้ กองทัพของอุซามะฮฺ บินซัยด์ในยุคเคาะลีฟะฮฺอะบูบักร์ ในบุกเบิกกำชัยชนะเหนือโรมัน หลังจากนั้นจอมทัพคอลิด บิน วาลิดพร้อมทหารจำนวน 40,000 คนยกทัพขับไล่ทหารโรมันออกจากแผ่นดินซีเรีย…